อัพเดต! 31 ประเทศ ไม่ต้องขอวีซ่าปี 2020 สำหรับคนไทย บินได้เลยไม่ต้องรอค่ะ

ประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่า สำหรับคนไทยมีที่ไหนบ้าง มาอัพเดตข้อมูล 31 ประเทศล่าสุด พร้อมรายละเอียดของแต่ละประเทศนั้นๆและระยะเวลาที่สามารถพำนักอยู่ได้ โดยไม่ต้องใช้วีซ่ากันค่ะ

ญี่ปุ่น
หากพูดถึงประเทศญี่ปุ่น ทุกคนต้องนึกถึงภูเขาไฟฟูจิเป็นอันดับแรก ๆ เลยใช่มั๊ยล่ะ ? แน่นอนค่ะเพราะนี่คือแลนด์มาร์คอันดับต้นๆ ในประเทศญี่ปุ่น ที่ทำให้ใครหลายคนจดจำประเทศญี่ปุ่นได้อย่างแม่นยำ หากใครได้ไปญี่ปุ่นแล้วต้องไม่พลาดที่จะไปชมความงามของฟูจิกันนะคะ ประเทศญี่ปุ่นสามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 15 วัน

เกาหลี
“อุโมงค์ต้นแปะก๊วย” นั้นเป็นแลนด์มาร์คห้ามพลาดเมื่อมาท่องเที่ยวเกาะนามิ ถ้าหากมาในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ต้นแปะก๊วยจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทั้งต้น เกิดเป็นอุโมงค์ธรรมชาติสวยงามตระการตา อีกทั้ง เกาะนามิ ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในประเทศเกาหลีใต้อีกด้วย หากใครได้ไปเกาหลีแล้วต้องไม่พลาดที่จะหามุมถ่ายรูปสวยๆกับอุโมงค์ต้นแปะก๊วยสีเหลืองอร่ามตานะคะ ประเทศเกาหลีสามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 90 วัน

ไต้หวัน
ตึกไทเป 101 อีกหนึ่งสถานที่แลนด์มาร์คใจกลางกรุงไทเป เป็นตึกสูงที่ชาวไต้หวันภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ด้วยนวัตกรรมอันชาญฉลาดที่ถูกออกแบบมาอย่างดี และทนต่อการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว หากได้ขึ้นไปชมเมืองจากบนตึกสูง ก็จะเห็นวิวของเมืองไทเปโดยรอบได้อย่างชัดเจน ตะลุยแดนไต้หวัน สวรรค์ของนักช็อป นักชิม ลองไปเที่ยวไต้หวันดูสักครั้งแล้วคุณจะรักไต้หวันมากขึ้น ประเทศไต้หวันสามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 14 วัน

มัลดีฟส์
ซัมเมอร์กับทะเลเป็นของคู่กัน หากพูดถึงทะเลที่มีน้ำทะเลสวยใสไร้มลพิษ อยู่ไม่ไกลจากประเทศไทย ก็มัลดีฟส์นี่แหละที่น่าไปมากๆ ถ้ามีวันหยุดยาวและอยากเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวทะเลที่ต่างประเทศลองไปเที่ยวที่มัลดีฟส์ดูสิ ใช้เวลาเดินทางไม่นาน แถมไม่ต้องขอวีซ่าด้วยค่ะ และอยู่ได้ถึง 30 วันไปเล้ยยย ย

รัสเซีย
“มหาวิหารเซนต์บาซิล” เชื่อว่าใครได้เห็นรูปของมหาวิหารแห่งนี้แล้วต้องรู้สึกคุ้นตาแน่ๆ เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของรัสเซียเลยทีเดียว โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนวิหารอื่นๆ ประกอบด้วยโดม 9 โดม จากความโดดเด่นของโดมที่มีสีสันและรูปร่างสะดุดตาคล้ายหัวหอม มีฉากหลังเป็นกำแพงของพระราชวังเครมลินอันสวยงาม จึงทำให้ที่กลายเป็นจุดแลนด์มาร์คสำคัญในการมาเที่ยวที่รัสเซีย ประเทศรัสเซียสามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 30 วัน

แอฟฟริกาใต้
ไฮไลท์ของการมาเที่ยวที่แอฟริการใต้ คือ ต้องไม่พลาดที่จะมาชมสัตว์ป่าที่มีชีวิตอยู่อย่างอิสระตามธรรมชาติ นอกจากการท่องเที่ยวแบบซาฟารีส่องสัตว์ในป่าโปร่งแล้ว ที่ประเทศแอฟริกาใต้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย และนับเป็นประเทศที่เรียกได้ว่าเป็นดินแดนสุดยอดแห่งความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติอีกด้วย ประเทศแอฟริการใต้สามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 30 วัน

อินโดนีเซีย
“วัดอูลันดานู บราตัน” เป็นวัดที่สำคัญ 1 ใน 5 ของเกาะบาหลี ตั้งอยู่กลางน้ำ ริมทะเลสาบบราตัน ซึ่งวัดนี้ขึ้นชื่อว่าเป็น วัดที่สวยงามที่สุดของบาหลี ที่มีทั้งความสวยงามและมีมนต์ขลัง โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาที่สวยงาม ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศเขตร้อนชื้น มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่ค่อนข้างครบถ้วน ถ้ามาเที่ยวที่นี่บอกได้เลยว่าคุ้มค่ามากๆค่ะ ประเทศอินโดนีเซียสามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 30 วัน

เวียดนาม
“สะพานอุ้งมือยักษ์” ที่เชคอินใหม่ในประเทศเวียดนาม สะพานที่ตั้งตระหง่านเหนือหุบเขาบานาฮิลล์ ในเมืองดานัง ซึ่งเปิดตัวไปได้ไม่นานมานี้ให้นักท่องเที่ยวได้เดินทอดน่อง สัมผัสความสวยงาม และดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบตัวแบบฉ่ำปอด สิ่งที่สะดุดตานักท่องเที่ยวมากที่สุดก็คงจะเป็น อุ้งมือหินขนาดยักษ์ ที่แบกรับสะพานสีเหลืองทองนี้เอาไว้ สร้างความแตกต่างจากสะพานอื่นโดยทั่วไปได้ดีเยี่ยมเลยทีเดียวค่ะ ประเทศเวียดนามสามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 30 วัน

สิงคโปร์
แลนด์มาร์คของประเทศสิงคโปร์ เป็นที่ทราบกันดีว่าตั้งอยู่ที่ อ่าวมารีนา ที่ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตและเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ เมื่อได้มาเที่ยวที่ประเทศสิงคโปร์ ไฮไลท์ของที่นี่ก็ไม่พ้น เจ้ารูปปั้นสิงโตทะเลพ่นน้ำ ที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์ แน่นอนค่ะมีมุมสวยๆ ให้เลือกถ่ายรูปมากมาย อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม และน่าสนใจอีกมากมาย ขอบอกเลยค่ะว่าถ้าได้มาแล้วจะตลึงตรึงตาตรึงใจในความสวยงามของที่นี่แน่นอน คอนเฟิร์มค่ะ!! ประเทศสิงคโปร์สามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 30 วัน

เปรู
“มาชูปิกชู” เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ทางโบราณคดีที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอนดีสที่ความสูง 2,100 เมตร จากระดับน้ำทะเล ประเทศเปรู เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีความน่าสนใจและแฝงความลึกลับของวัฒนธรรมโบราณ เพราะเปรูได้ชื่อว่าเป็น “ดินแดนแห่งอินคา” ทุกวันนี้เปรูเต็มไปด้วยซากโบราณสถานและสถาปัตยกรรมในยุคอาณานิคม ตลอดจนถึงความสวยงามตามธรรมชาติอันน่าตื่นตาตื่นใจอีกมาก ประเทศเปรูสามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 90 วัน ว้าววว ว มากค่ะ!!

พม่า
“พระธาตุอินทร์แขวน” ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงกว่า 1,200 เมตร ในเมืองไจทิโย ประเทศพม่า เป็นสถานเจดีย์ศักดิสิทธิ์ มีจุดเด่นคือความมหัศจรรย์ของก้อนหินสีทองขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันในตำแหน่งที่เหมือนจะหล่นลงมา แต่ยังมั่นคงติดแน่นท้าทายแรดดึงดูดของโลก การเดินทางมานมัสการพระธาตุอินทร์แขวนนับเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำอย่างไม่ธรรมดาเลยล่ะ ค่อนข้างจะน่าตื่นเต้นเลยทีเดียว ใครที่สายบุญ สายลุยๆ ต้องมาพม่านะคะ ประเทศพม่าสามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 14 วัน

มาเก๊า
“โบสถ์เซนต์ปอล” ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองมาเก๊าไปซะแล้ว เพราะใครที่ได้มาเยือนมาเก๊าต้องแวะมาชมและเก็บภาพไม่งั้นเหมือนมาไม่ถึงค่ะ อีกทั้งซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลยังมีประวัติความเป็นมายาวนานและมีเรื่องราวเกี่ยวข้องที่น่าสนใจมากอีกด้วย ต้องบอกว่ามาเก๊า เป็นอีกที่หนึ่งที่เราไปเที่ยวได้ง่ายๆ แถมยังอยู่ไม่ไกลจากประเทศไทยด้วยนะคะ มาเก๊าสามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 30 วัน

ตุรกี
ไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเที่ยวตุรกี เยือนแคว้นคัปปาโดเกียนั่นก็คือ “การขึ้นบอลลูน” นั่นเอง ความงดงามของทัศนียภาพกับวิวมุมสูงแบบที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน เมื่อขึ้นไปบนบอลลูนแล้ว เราจะได้เห็นวิวเมืองคัปปาโดเซียโดยรอบ เมืองนี้มีเอกลักษณ์สุดๆ ค่ะ เพราะเต็มไปด้วยแท่งหินปูนรูปร่างแปลกตาแต่สวยมาก รีบจองตั๋วบินไปเที่ยวตุรกีกันเถอะๆ ประเทศตุรกีสามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 30 วัน

ลาว
การได้ไปพักผ่อนในสถานที่สวยงาม ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์และสัมผัสชีวิตท้องถิ่น คงเป็นความฝันของใครหลายคน แนะนำที่นี่เลยค่ะ วังเวียง ประเทศลาว เพราะผู้คนในประเทศนี้โดยส่วนใหญ่ต่างดำเนินวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย อีกทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติก็ค่อนข้างสมบูรณ์ ใครที่ต้องการหนีสังคมที่เร่งรีบวุ่นวายสู่ความสงบ การไปเที่ยวลาว ก็ถือเป็นจุดหมายหนึ่งที่แนะนำนะคะ ประเทศลาวสามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 30 วัน

ฮ่องกง
“วิคตอเรีย พีค” หรือหลายคนเรียกว่า เดอะ พีค นั่นเอง เป็นที่เที่ยวอันดับหนึ่งที่คนนิยมไปมากที่สุด ถือเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด เพราะสามารถมองเห็นวิวพาโนรามาของเกาะฮ่องกงได้ทั้งหมด โดยเฉพาะในยามค่ำคืนที่แสงไฟจากตึกสูงต่างแข่งกันเปล่งประกายทำให้ทั้งเมืองเสมือนเป็นโชว์ตระการตาที่ใครได้มาเยือนฮ่องกงเป็นต้องหลงใหล ฮ่องกงสามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 30 วัน

ชิลี
ชิลีเป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าเที่ยวในทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งทะเล ทะเลทราย หน้าผา ภูเขาไฟ แม้แต่ธารน้ำแข็งก็ยังมีให้ได้ชม ชิลีเป็นประเทศที่เรียกได้ว่าอุดมสมบูรณ์มาก หากใครเป็นนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติล่ะก็ รับรองว่าต้องถูกใจชิลีแน่นอนค่ะ ประเทศชิลีสามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 90 วัน วู้ววว ววว!!

เอกวาดอร์
ใครที่กำลังวางแผนไปท่องเที่ยวในโซนทวีปอเมริกาใต้ พูดเลยว่าประเทศเอกวาดอร์ก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะเอกวาดอร์เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ภายใต้ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติต่างๆ ตั้งแต่ป่าฝนเขตร้อนอันเขียวชอุ่มไปจนถึงภูเขาไฟซึ่งปกคลุมไปด้วยธารน้ำแข็ง หากใครที่มีโอกาสได้มาเยือนเอกวาดอร์ต้องประทับใจอย่างแน่นอน ประเทศเอกวาดอร์สามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 90 วัน

อาร์เจนตินา
“น้ำตกอีกวาซู” เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ขาดไม่ได้เมื่อมาเยือนประเทศอาร์เจนตินา โดยน้ำตกแห่งนี้สามารถมองเห็นได้ทั้งจากฝั่งอาร์เจนตินาและบราซิลเลยค่ะ เป็นน้ำตกที่ขึ้นชื่อว่ามีขนาดใหญ่และสวยที่สุดในโลกเลยทีเดียว! พูดไปจะหาว่าคุย อยากให้ทุกคนลองไปเห็นกับตาเองว่าธรรมชาติของที่นี่นั้นสวยงามขนาดไหน เก็บกระเป๋าแล้วบินไปวันนี้เลยค่ะ ประเทศอาร์เจนตินาสามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 90 วัน โอ้โหวววววว ว!!

จอร์เจีย
ประเทศจอร์เจีย คือหนึ่งในประเทศที่ต้องลองไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต ซึ่งตั้งอยู่แนวเทือกเขาคอเคซัสที่ขึ้นชื่อถึงความสวยงาม มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 2500 ปี จึงทำให้ประเทศจอร์เจียมีความน่าสนใจไปเยี่ยมเยือนยิ่งนัก ประเทศจอร์เจียสามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 365 วัน ป้าดดดด ดแล้ว นานเว่อๆ

บราซิล
“รูปปั้นพระเยซูคริสต์” ที่มีขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก! ถือเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงใจกลางเมืองริโอ เดอ จาเนโร มีความสูงราว 38 เมตรทำขึ้นจากคอนกรีตเสริมใยเหล็กและหุ้มด้วยหินสบู่ จึงทำให้มีความทนทานสูงมาก นอกจากนี้บราซิลยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามอื่นๆอีกมากมาย หากใครได้มาบราซิลแล้วต้องหลงรักประเทศนี้แน่นอนค่ะ ประเทศบราซิลสามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 90 วัน เที่ยววนไปเจ้าค่ะ!

กัมพูชา
“นครวัด” เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และเป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่ใหญ่ที่สุดของโลกอีกด้วย ถือว่าเป็นที่สุดเทวสถานของสถาปัตยกรรมเขมร การไปนครวัดนอกจากจะไปชมสถาปัตยกรรมในตัวปราสาทแล้ว หากมีโอกาสควรไปแต่เช้าเพื่อไปดูอาทิตย์ขึ้นริมสระน้ำสักครั้ง เพราะสวยงามชวนประทับใจไม่รู้ลืม ประเทศกัมพูชาสามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 14 วัน

มาเลเซีย
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ห้ามพลาดเมื่อได้มาเยือนมาเลเซีย คือ “ตึกแฝดปิโตรนาส” ตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่กัวลาลัมเปอร์ อีกหนึ่งเมืองสำคัญของประเทศมาเลเซีย และด้วยความสูงที่ติดระดับโลกประกอบกับการออกแบบที่สวยงาม จึงทำให้ที่นี่เป็นสถานที่เชคอินยอดฮิตของเหล่านักท่องเที่ยวทุกคนไปโดยปริยาย ประเทศมาเลเซียสามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 30 วัน

การ์ต้า
“ประเทศกาตาร์” เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีความน่าสนใจไม่น้อย เพราะอดีตเคยเป็นทะเลทราย แต่ก็กลายมาเป็นไข่มุกแห่งเปอร์เซียได้ในระยะเวลาไม่นาน ต้องขอบอกเลยว่ากาตาร์ไม่ได้มีแค่ทะเลทรายที่แห่งแร้งเท่านั้น ลองหาเวลามาสัมผัสสักครั้งแล้วจะรู้ว่าประเทศนี้ไม่ธรรมดาจริงๆค่ะคุ๊ณณณณ ประเทศกาตาร์สามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 30 วัน

ไห่หนาน, จีน
มณฑลไห่หนาน (ไหหลำ) เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะ เมืองตากอากาศ ที่มีชื่อเสียงมากของจีน ประกอบด้วยเกาะหลายเกาะ มีหาดทรายสวย น้ำทะเลใส นอกจากนี้ที่ไหหลำยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมเก่าแก่ที่น่าสนใจอีกมากมาย แต่ไฮไลท์เด็ดอยู่ตรงที่ “องค์เจ้าแม่กวนอิมสีขาว” ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางท้องทะเล สูงกว่าเทพีเสรีภาพของสหรัฐไปอี๊กกกก!!! เค้าว่ากันว่าขอพรเรื่องใด ก็จะสมหวังทุกประการ ฟังแบบนี้แล้วรีบหาตั๋วบินไปเลยดีกว่าค่ะ มณฑลไห่หนานประเทศจีนสามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 30 วัน

เซเซลส์
“ประเทศเซเชลล์“ เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งท้องทะเล มีลักษณะเป็นหมู่เกาะ มีทั้งหมด 115 เกาะ ซึ่งแต่ละเกาะก็จะมีความสวยงามแตกต่างกันออกไป ความโดดเด่นของที่นี่ก็คงไม่พ้นหาดทรายขาว น้ำทะเลใสราวกับกระจก ซึ่งดึงดูดคู่ฮันนีมูนจากทั่วโลกได้เป็นอย่างดี และไม่ว่าใครได้มาเยือนต้องตกหลุมรักที่นี่อย่างแน่นอน ประเทศเซเชลล์สามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 30 วัน

บรูไน
ใครที่ได้มาเยือนบรูไนทุกคน ห้ามพลาดที่จะมาชม “มัสยิดโอมาร์ อาลี ไซฟัดดิน” เด็ดขาด เพราะสวยงามขนาดถูกจัดอันดับจากหลายสถาบัน ให้เป็น 1 ใน 10 ของมัสยิดที่งดงามที่สุดในโลกเลยทีเดียว วัสดุที่ใช้ก่อสร้างก็ล้วนแต่มีราคาสมกับการก่อสร้างเพื่อสุลต่านอย่างแท้จริง ด้วยวัสดุหลักที่ทำจากหินอ่อน ไปจนถึงโดมทองคำที่เป็นจุดเด่นของมัสยิดนี้ ประเทศบรูไนสามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 14 วัน

บาห์เรน
“เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์” ตึกระฟ้า แห่งบาห์เรน ตั้งอยู่ริมชายฝั่งของอ่าวเปอร์เซีย ในเมืองหลวง ประเทศบาห์เรน ตึกนี้ไม่ได้แข่งขันด้วยความโดดเด่นเรื่องความสูง หรือความสวยงามดั่งเช่นอาคารอื่น แต่โดดเด่นด้วยเรื่องพลังงานทดแทน ซึ่งอาจจะเป็นตึกสูงระฟ้าแห่งแรกของโลกที่ใช้พลังงานทดแทน ด้วยพลังงานลมจากธรรมชาติ ซึ่งเป็นพลังงานสะอาด ฟังแบบนี้แล้วอยากไปเห็นของจริงเดี๋ยวนี้เลยๆ ประเทศบาห์เรนสามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 14 วัน

ปานามา
ปานามา ประเทศที่ผสมผสานเมืองที่ทันสมัย ท่ามกลางธรรมชาติไว้ได้อย่างลงตัว อากาศเย็นสบายตลอดปี และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่อีกมากมาย ประเทศปานามาสามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 180 วัน อยู่ยาวๆไปเลยจร้าาา า

ฟิลิปปินส์
ฟิลิปปินส์ เจ้าถิ่นแห่งท้องทะเลใหญ่ ที่มีหมู่เกาะมากที่สุดในโลก ทั้งยังเป็นอีกแหล่งสวรรค์ของคนรักทะเล เพราะที่นี่เต็มไปด้วยชายหาดสวยและหลากหลายภูมิประเทศที่น่าตื่นตาตื่นใจ ประเทศฟิลิปปินส์ถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าไปสัมผัสมากๆค่ะ เดินทางไม่ไกล ไปได้ง่ายและค่าใช้จ่ายไม่เยอะ บินไปตอนนี้เลยค่ะพี่สุชาติ!! ประเทศฟิลิปปินส์สามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 30 วัน

มองโกเลีย
ประเทศมองโกเลีย ดินแดนแห่งตำนานที่มีเรื่องราวเล่าขานมาช้านาน อีกทั้งยังเป็นประเทศที่มีความยิ่งใหญ่ทั้งทางด้านประเพณีและวัฒนธรรม ที่ผสมผสานวิถีชีวิตของผู้คนในแบบเรียบง่ายและธรรมชาติที่งดงามไว้ด้วยกันอย่างลงตัว บอกเลยว่ามาที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ ประเทศมองโกเลียสามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 30 วัน

วานูอาตู
จะดีแค่ไหนถ้าได้พาตัวเองไปยืนสูดอากาศในดินแดนที่มีความสุขที่สุดในโลกอย่างวานูอาตู ผลการสำรวจของโลกเคยลงมติไว้ว่า “วานูอาตู” คือ ดินแดนแห่งความสุขที่แท้ทรู เพราะชาววานูอาตูใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายไม่ใช่สังคมบริโภคนิยม และมีความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน จึงทำให้ผู้คนที่นี่ต่างมีแต่รอยยิ้มและความสุขให้กัน นอกจากความสุขของประเทศนี้แล้ว ที่นี่ยังมีทะเลอันงดงามล้อมรอบประเทศ และยังเป็นดินแดนที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะภูเขาไฟมีชีวิตอีกด้วย เห็นแบบนี้แล้วอยากไปกักตุนความสุขกันเลยทีเดียวจร้าาา ประเทศวานูอาตูสามารถเดินทางไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ และอยู่ได้ถึง 30 วัน
0 0 votes
Article Rating